เกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อการดำเนินการที่เป็นเลิศ (Education Criteria for Performance Excellence: EdPEx)

             กรอบแผนอุดมศึกษาระยะยาว 15 ปี ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2551-2565) คือ “การยกระดับคุณภาพการศึกษา เพื่อผลิตและพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพสามารถปรับตัวสำหรับงานที่เกิดขึ้นตลอดชีวิต พัฒนาศักยภาพอุดมศึกษาในการสร้างความรู้และนวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในโลกาภิวัตน์ สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนของท้องถิ่นไทย โดยใช้กลไกของธรรมาภิบาล การเงิน การกำกับมาตรฐาน และเครือข่ายอุดมศึกษาบนพื้นฐานของเสรีภาพทางวิชาการ ความหลากหลาย และเอกภาพเชิงระบบ” สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) มีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษาไทยให้ทัดเทียมและเป็นที่ยอมรับ

           ในสากล จึงได้นำเครื่องมือพัฒนาคุณภาพที่ได้รับการยอมรับในสากลว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาองค์การสู่ความเป็นเลิศ นั่นคือ Education Criteria for Performance Excellence ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่สามารถนำมาเป็นกรอบการดำเนินงานบริหารจัดการการศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาให้มีคุณภาพและพัฒนาสู่ความเป็นเลิศได้อย่างก้าวกระโดด

          ปี พ.ศ. 2554-2557 คณะวิทยาศาสตร์ เป็นคณะเดียวที่เข้าร่วมโครงการ EdPEx Fast Track Cohort1 ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ในโครงการต่อยอดคุณภาพการศึกษาสู่ความเป็นเลิศ

          ปี 2555 คณะวิทยาศาสตร์ เป็นส่วนงาน 1 ใน 9 ของมหาวิทยาลัยมหิดลที่เริ่มใช้ระบบประกันคุณภาพ EdPEx (สกอ.)

          ผู้บริหารให้ความสำคัญกับระบบประกันคุณภาพ จึงได้กำหนดนโยบายการประกันคุณภาพ ไว้ในแผนกลยุทธ์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ปี 2555-2559 (ฉบับปรับปรุงปี 2557) ยุทธศาสตร์ที่ 6 Management Excellence ข้อ 3 เพื่อการดำเนินการที่เป็นเลิศ โดยใช้ระบบการประกันคุณภาพมาตรฐานสากล เพื่อกำหนดทิศทางและสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพอย่างจริงจังและต่อเนื่อง การดำเนินงานทุกอย่างต้องกระทำเพื่อคุณภาพของระบบ และคำนึงถึงผลลัพธ์ด้านการวิจัยและความสัมฤทธิ์ของผู้เรียนเป็นสำคัญ และผู้บริหารใช้เครื่องมือคุณภาพ และเทคโนโลยีมาสนับสนุนการดำเนินงาน และแผนยุทธศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล
พ.ศ. 2560 -2564 กำหนดเป็นตัวชี้วัด (KPI) SC19 คะแนน EdPEx ในยุทธศาสตร์ที่ 4 Excellence in management for sustainable organization และตั้งค่าเป้าหมาย ดังนี้

SC19 คะแนน EdPEx

ปี 2560

ปี 2561

ปี 2562

ปี 2563

ปี 2564

300

310

320

340

350

การตรวจประเมินตามเกณฑ์ EdPEx

             มหาวิทยาลัยมหิดลดำเนินการตรวจประเมินส่วนงานเกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อการดำเนินการที่เป็นเลิศ (EdPEx) เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการพัฒนาคุณภาพด้านต่างๆ ตามนโยบายการพัฒนาคุณภาพของมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยจึงมีแผนการดำเนินการตรวจประเมินคุณภาพภายในทุกส่วนงานในช่วงเดือน พฤษภาคม ถึงกรกฎาคม  ซึ่งกำหนดให้ส่วนงานจัดทำรายงานการประเมินตนเองตามเกณฑ์ TQA และรับการตรวจประเมินฯ ในช่วงเวลาดังกล่าว

แนวทางการดำเนินการตรวจประเมินฯ มหาวิทยาลัยมหิดล

(ส่วนงานที่มีคะแนน EdPEx ตั้งแต่ 301 คะแนนขึ้นไป) มีดังต่อไปนี้

     1. ประสงค์ยื่นขอรับการตรวจประเมินขอรับรางวัลคุณภาพแห่งชาติ (TQA) จากสำนักงานรางวัลคุณภาพแห่งชาติ (OTQA) มหาวิทยาลัยมหิดลจะถือว่าการตรวจประเมินจาก TQA

     2. ประสงค์ยื่นขอรับตรวจการประเมินจากมหาวิทยาลัย สามารถเลือกรูปแบบการตรวจประเมินฯ ได้ 2 รูปแบบ ดังนี้

    • รูปแบบที่ 1 การตรวจติดตามผลการตรวจประเมินส่วนงานตามเกณฑ์ EdPEx โดยส่วนงานจัดส่งเฉพาะผลลัพธ์การดำเนินงานของส่วนงานตามเกณฑ์ EdPEx หมวด 7.1-7.5 เป็นระยะเวลา 3 ปี และแผนการพัฒนา (Improvement Plan) ตามคำแนะนำจากคณะกรรมการตรวจประเมินฯ

    • รูปแบบที่ 2 การรับการตรวจประเมินจากมหาวิทยาลัยตามปกติ

เกณฑ์ระดับพัฒนาการตามเกณฑ์ EdPEx (MU’s Dee)

ระดับพัฒนาการ
Process
Result
A
126-150
101-120
A-
101-125
81-100
B+
76-100
61-80
B
51-75
41-60
B-
<50
<40

 

ลำดับ
วันที่
ตำแหน่ง
ชื่อ-สกุล
ส่วนงานที่เข้าร่วมประเมิน
1
จ 15-อ 16 ก.ค.
ประธาน
รองศาสตราจารย์ ดร.กิตติศักดิ์ หยกทองวัฒนา
คณะสาธารณสุขศาสตร์
2
จ 17-อ 18 มิ.ย.
กรรมการ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นพ.ณัฐพล ภาณุพินธุ
คณะกายภาพบำบัด
3
พฤ 13-ศ 14 มิ.ย
พ 24-พฤ 25 ก.ค. 
กรรมการ
อาจารย์ ดร.ณัฐพล อ่อนปาน
 
1. โครงการจัดตั้งสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา
2. คณะเทคนิคการแพทย์
4
อ 30-พ 31 ก.ค.
จ 13 พ.ค.
กรรมการ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิสา ปฎิการมณฑล
 
1. โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์
2. สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน
5
พฤ 25-ศ 26 ก.ค.
กรรมการ
รองศาสตราจารย์ ดร.ปฐมพงษ์ แสงวิไล
คณะศิลปศาสตร์
6
จ 15-อ 16 ก.ค.
กรรมการ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เปรมวดี วงษ์แสงจันทร์
ศูนย์จิตปัญญาศึกษา
7
จ 8-อ 9 ก.ค.
กรรมการ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรทิพา กอประเสริฐถาวร
วิทยาลัยนานาชาติ
8
พฤ 4-ศ 5 ก.ค.
กรรมการ
นางสาววรัษยา สุนทรศารทูล
หอสมุดและคลังความรู้มหาวิทยาลัยมหิดล
9
พ 26-พฤ 27 มิ.ย.
กรรมการ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมคิด อมรสมานกุล
สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม
10
จ 15-อ 16 ก.ค.
กรรมการ
รองศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธนะวันต์
ศูนย์จิตปัญญาศึกษา
11
พฤ 11-ศ 12 ก.ค.
กรรมการ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อดิศักดิ์ ร่มแสง
ศูนย์สัตว์ทดลองแห่งชาติ
12
จ 15-อ 16 ก.ค.
กรรมการ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัญชีรา วิบูลย์จันทร์
คณะสาธารณสุขศาสตร์
13
อ 2-พ 3 ก.ค.
กรรมการ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อารดา ชัยยานุรักษ์กุล
สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว
14
อ 30-พ 31 ก.ค.
กรรมการ
รองศาสตราจารย์ ดร.เอกสิทธิ์ สมสุข
โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์

รางวัลคุณภาพแห่งชาติ (Thailand Quality Award: TQA)

                รางวัลคุณภาพแห่งชาติ ถือเป็นรางวัลระดับโลก (World Class) เนื่องจากมีพื้นฐานทางด้านเทคนิคและกระบวนการตัดสินรางวัลเช่นเดียวกับรางวัลคุณภาพแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ The Malcolm Baldrige National Quality Award (MBNQA) ซึ่งเป็นต้นแบบรางวัลคุณภาพแห่งชาติที่ประเทศต่างๆ หลายประเทศทั่วโลกนำไปประยุกต์ เช่น ประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ เป็นต้น

ประโยชน์ต่อองค์กร

               องค์กรนำเกณฑ์เพื่อการดำเนินการที่เป็นเลิศ ซึ่งเป็นกรอบการประเมินคุณภาพระดับมาตรฐานโลกไปเปรียบเทียบกับระบบการบริหารจัดการของตน จะได้รับประโยชน์ในทุกขั้นตอน เริ่มจากการตรวจประเมินตนเอง ผู้บริหารจะทราบถึงสภาพที่แท้จริงว่าระบบการบริหารจัดการของตนยังขาดตกบกพร่องในเรื่องใด จึงสามารถกำหนดวิธีการและเป้าหมายที่ชัดเจนในการจัดทำแผนปฏิบัติการ และเมื่อองค์กรปฏิบัติตามแผนจนบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ มีความพร้อม และตัดสินใจสมัครรับรางวัล องค์กรจะได้รับการตรวจประเมินด้วยกระบวนการที่มีประสิทธิผล โดยผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขาอาชีพที่ได้รับการฝึกอบรมเพื่อเป็นผู้ตรวจประเมินโดยเฉพาะ และไม่ว่าองค์กรจะผ่านเกณฑ์รับรางวัลหรือไม่ก็ตาม องค์กรจะได้รับรายงานป้อนกลับซึ่งระบุจุดแข็งและจุดที่ควรปรับปรุง ซึ่งนับเป็นประโยชน์ต่อการนำไปวางแผนปรับปรุงองค์กรให้สมบูรณ์มากขึ้นต่อไป

            องค์กรที่ได้รับรางวัลจะเป็นที่ยอมรับจากองค์กรต่างๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ และมีสิทธิ์ใช้ตราสัญลักษณ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ ซึ่งสื่อถึงความเป็นเลิศในระบบการบริหารจัดการในการโฆษณาประชาสัมพันธ์องค์กร รวมทั้งมีโอกาสส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยการ            นำเสนอวิธีปฏิบัติที่นำไปสู่ความสำเร็จและเปิดโอกาสให้มีการเข้าเยี่ยมชมสถานประกอบการเพื่อเป็นแบบอย่างให้กับองค์กรอื่นๆ นำไปประยุกต์  เพื่อให้ประสบผลสำเร็จเช่นเดียวกัน

ประเภทของรางวัล

รางวัลคุณภาพแห่งชาติ (Thailand Quality Award : TQA)
      องค์กรที่มีคะแนนผลการตรวจประเมินสูงกว่า 650 คะแนน
รางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศ (Thailand Quality Class : TQC
       องค์กรที่มีคะแนนผลการตรวจประเมินสูงกว่า 350 คะแนน ซึ่งแบ่งเป็น 2 ระดับ ดังนี้

    1. TQC Plus: มีระดับคะแนนที่สูงกว่า 450 คะแนน และหมวด 1 อยู่ในช่วงคะแนน 50-65% ขึ้นไป รวมถึงมีความโดดเด่นในด้านต่างๆ ดังนี้

  • TQC+: Customer มีช่วงคะแนน 50-65% ขึ้นไป ในหมวด 3 และผลลัพธ์ 7.2

  • TQC+: People มีช่วงคะแนน 50-65% ขึ้นไป ในหมวด 5 และผลลัพธ์ 7.3

  • TQC+: Operation มีช่วงคะแนน 50-65% ขึ้นไป ในหมวด 6 และผลลัพธ์ 7.1

  • TQC+: Innovation มีช่วงคะแนน 50-65% ขึ้นไป ในหัวข้อ 6.1, หมวด 2 และผลลัพธ์ 7.1

    2. TQC: มีระดับคะแนนที่สูงกว่า 350 คะแนน 

ขั้นตอนการสมัครขอรับรางวัลคุณภาพแห่งชาติ (ประจำปี 2565)

กำหนดการ
การดำเนินงาน
4 มกราคม–1 มีนาคม 2565
ส่งใบสมัครขอรับรองคุณสมบัติองค์กร เพื่อขอรับรางวัลประจำปี 2565
11 มีนาคม 2565
สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ แจ้งผลการรับรองคุณสมบัติองค์กรเพื่อขอรับรางวัล      ประจำปี 2565
11–31 มีนาคม 2565
ส่งใบสมัครขอรับรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ประจำปี 2564 และชำระค่าธรรมเนียม
1 เมษายน–5 กรกฎาคม 2565
ส่งรายงานการดำเนินการขององค์กรที่สมัครขอรับรางวัลคุณภาพแห่งชาติประจำปี 2564
กันยายน – พฤศจิกายน 2565
กระบวนการตรวจประเมิน ประจำปี 2565 ข
• ขั้นที่ 1 Independent Review
• ขั้นที่ 2 Consensus  Review
• ขั้นที่ 3 Site Visit Review
ธันวาคม 2565
คณะกรรมการรางวัลคุณภาพแห่งชาติพิจารณา และอนุมัติรางวัล ประจำปี 2565
ธันวาคม 2565  – มกราคม 2566
แจ้งผลการพิจารณารางวัล ประจำปี 2565 และจัดส่ง Feedback Report
มกราคม 2566
ประกาศรายชื่อองค์กรที่ได้รับรางวัล ประจำปี 2565
คะแนน
กระบวนการ (หมวด 1-6)
0% หรือ 5%
–            ไม่มีแนวทางอย่างเป็นระบบที่ตอบคำถามของหัวข้ออย่างชัดเจน. มีสารสนเทศน้อย /ไม่ชัดเจน /ไม่ตรงประเด็น. (A)
–            แทบไม่ปรากฏหลักฐานการนำแนวทางที่เป็นระบบไปถ่ายทอดสู่การปฏิบัติ. (D)
–            ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีแนวคิดในการปรับปรุง (Improvement Orientation). มีการปรับปรุงเมื่อเกิดปัญหา. (L)
–            ไม่แสดงให้เห็นว่ามีความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันในระดับองค์กร. แต่ละพื้นที่หรือหน่วยงานดำเนินการอย่างเอกเทศ. (I)
10%, 15%, 20% หรือ 25%
–        ปรากฎหลักฐานว่าเริ่มมีแนวทางอย่างเป็นระบบที่ตอบคำถามพื้นฐานของหัวข้อ. (A)
–        การนำแนวทางไปถ่ายทอดสู่การปฏิบัติยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นในเกือบทุกพื้นที่หรือหน่วยงาน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการบรรลุคำถามพื้นฐานของหัวข้อ. (D)
–        ปรากฏหลักฐานว่าเริ่มเปลี่ยนแปลงจากการปรับปรุงเมื่อเกิดปัญหามาเป็นแนวคิดในการปรับปรุงทั่ว ไป. (L)
–        มีแนวทางที่สอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันกับพื้นที่หรือหน่วยงานอื่น โดยส่วนใหญ่เกิดจากการร่วมกันแก้ปัญหา. (I)
30%, 35%, 40% หรือ 45%
–        ปรากฏหลักฐานว่ามีแนวทางอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิผลที่ตอบคำถามพื้นฐานของหัวข้อ. (A)
–        มีการนำแนวทางไปถ่ายทอดสู่การปฏิบัติ ถึงแม้ว่าบางพื้นที่หรือบางหน่วยงานเพิ่งอยู่ในขั้นเริ่มต้นของการถ่ายทอด
สู่การปฏิบัติ. (D)
–        ปรากฏหลักฐานว่าเริ่มมีแนวทางอย่างเป็นระบบในการประเมินและปรับปรุงกระบวนการที่สำคัญ. (L)
–        เริ่มมีแนวทางที่สอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันกับความต้องการพื้นฐานขององค์กร ตามที่ระบุไว้ในโครงร่างองค์กร และในหัวข้อกระบวนการอื่น ๆ. (I)
50%, 55%, 60% หรือ 65%
–        ปรากฏหลักฐานว่ามีแนวทางอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิผลที่ตอบคำถามโดยรวมของหัวข้อ. (A)
–        มีการนำแนวทางไปถ่ายทอดสู่การปฏิบัติเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าอาจแตกต่างกันในบางพื้นที่หรือบางหน่วยงาน. (D)
–        มีกระบวนการประเมินและปรับปรุงอย่างเป็นระบบโดยใช้ข้อมูลจริง และมีการเรียนรู้ในระดับองค์กรรวมถึงการสร้างนวัตกรรมในบางเรื่องเพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของกระบวนการที่สำคัญ. (L)
–        มีแนวทางที่สอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันกับความต้องการโดยรวมขององค์กร ตามที่ระบุไว้ในโครงร่างองค์กรและ
ในหัวข้อกระบวนการอื่น ๆ. (I)
70%, 75%, 80% หรือ 85%
–        ปรากฏหลักฐานว่ามีแนวทางอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิผลที่ตอบคำถามย่อยของหัวข้อ. (A)
–        มีการนำแนวทางไปถ่ายทอดสู่การปฏิบัติเป็นอย่างดีโดยไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ. (D)
–        มีกระบวนการประเมินและปรับปรุงอย่างเป็นระบบโดยใช้ข้อมูลจริง และมีการเรียนรู้ในระดับองค์กร รวมถึงการสร้างนวัตกรรมเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการจัดการ. ปรากฏหลักฐานอย่างชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น อันเป็นผลจากการวิเคราะห์และการแบ่งปันระดับองค์กร. (L)
–        มีแนวทางที่บูรณาการกับความต้องการขององค์กรในปัจจุบันและอนาคต ตามที่ระบุไว้ในโครงร่างองค์กรและในหัวข้อกระบวนการอื่น ๆ. (I)
90%, 95% หรือ 100%
–        ปรากฏหลักฐานว่ามีแนวทางอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิผลที่ตอบคำถามย่อยของหัวข้ออย่างครบถ้วน. (A)
–        มีการนำแนวทางไปถ่ายทอดสู่การปฏิบัติอย่างทั่วถึงโดยไม่มีจุดอ่อนหรือความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในพื้นที่หรือหน่วยงานใด ๆ. (D)
–        มีกระบวนการประเมินและปรับปรุงอย่างเป็นระบบโดยใช้ข้อมูลจริง และการเรียนรู้ในระดับองค์กรผ่านการสร้างนวัตกรรมเป็นเครื่องมือ            ที่สำคัญในการจัดการทั่วทั้งองค์กร. ปรากฏหลักฐานว่าการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นและนวัตกรรม
ทั่วทั้งองค์กร เป็นผลมาจากการวิเคราะห์และการแบ่งปัน. (L)
–        มีแนวทางที่บูรณาการกับความต้องการขององค์กรในปัจจุบันและอนาคตเป็นอย่างดี ตามที่ระบุไว้ในโครงร่างองค์กรและในหัวข้อกระบวนการอื่น ๆ. (I)
คะแนน
ผลลัพธ์ (หมวด 7)
0% หรือ 5%
–        ไม่มีการรายงานผลการดำเนินการขององค์กร หรือมีผลลัพธ์ที่ไม่ดีในหัวข้อที่รายงาน. (Le)
–        ไม่แสดงแนวโน้มของข้อมูล หรือแสดงแนวโน้มเชิงลบเป็นส่วนใหญ่. (T)
–        ไม่มีการรายงานสารสนเทศเชิงเปรียบเทียบ. (C)
–        ไม่มีการรายงานผลลัพธ์ในเรื่องที่มีความสำคัญต่อการบรรลุพันธกิจขององค์กร. (I)
10%, 15%, 20% หรือ 25%
–        มีการรายงานผลการดำเนินการขององค์กรเพียงบางเรื่องที่ตอบคำถามพื้นฐานของหัวข้อ และมีระดับผลการดำเนินการที่เริ่มดี. (Le)
–        มีการรายงานแนวโน้มของข้อมูลในบางเรื่อง โดยบางเรื่องแสดงแนวโน้มเชิงลบ. (T)
–        แทบไม่มีการรายงานสารสนเทศเชิงเปรียบเทียบ. (C)
–        มีการรายงานผลลัพธ์เพียงบางเรื่องที่มีความสำคัญต่อการบรรลุพันธกิจขององค์กร. (I)
30%, 35%, 40% หรือ 45%
–        มีการรายงานระดับผลการดำเนินการที่ดี ตอบคำถามพื้นฐานของหัวข้อ. (Le)
–        มีการรายงานแนวโน้มของข้อมูลบางเรื่อง และข้อมูลส่วนใหญ่ที่แสดงนั้นมีแนวโน้มที่ดี. (T)
–        เริ่มมีการแสดงสารสนเทศเชิงเปรียบเทียบ. (C)
–        มีการรายงานผลลัพธ์หลายเรื่องที่มีความสำคัญต่อการบรรลุพันธกิจขององค์กร. (I)
50%, 55%, 60% หรือ 65%
–        มีการรายงานระดับผลการดำเนินการที่ดี ตอบคำถามโดยรวมของหัวข้อ. (Le)
–        แสดงถึงแนวโน้มที่ดีในเรื่องที่มีความสำคัญต่อการบรรลุพันธกิจขององค์กร. (T)
–        ผลการดำเนินการในปัจจุบันบางเรื่องดีกว่าคู่เทียบ และ/หรือระดับเทียบเคียงที่เหมาะสม. (C)
–        มีการรายงานผลการดำเนินการขององค์กรที่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าที่สำคัญส่วนใหญ่ ความต้องการของตลาด                                ที่สำคัญส่วนใหญ่ และคำถามของกระบวนการที่สำคัญส่วนใหญ่. (I)
70%, 75%, 80% หรือ 85%
–        มีการรายงานระดับผลการดำเนินการที่ดีถึงดีเลิศ ตอบคำถามย่อยของหัวข้อ. (Le)
–        มีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่องในเรื่องที่สำคัญส่วนใหญ่ซึ่งจะทำให้บรรลุพันธกิจขององค์กร. (T)
–        มีแนวโน้มและระดับผลการดำเนินการในปัจจุบันหลายเรื่องถึงส่วนใหญ่ ดีกว่าคู่เทียบ และ/หรือระดับเทียบเคียง และ
มีผลการดำเนินการที่แสดงถึงความเป็นผู้นำในระดับดีมาก. (C)
–        มีการรายงานผลการดำเนินการขององค์กรที่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าที่สำคัญส่วนใหญ่ ความต้องการของตลาด                              ที่สำคัญส่วนใหญ่ และคำถามของกระบวนการและแผนปฏิบัติการส่วนใหญ่. (I)
90%, 95% หรือ 100%
–        มีการรายงานระดับผลการดำเนินการที่ดีเลิศ ตอบคำถามของหัวข้ออย่างครบถ้วน. (Le)
–        มีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่องในเรื่องที่สำคัญทุกเรื่องซึ่งจะทำให้บรรลุพันธกิจขององค์กร. (T)
–        แสดงถึงความเป็นผู้นำทั้งในธุรกิจและเป็นผู้นำสำหรับการเทียบเคียงในหลายด้าน. (C)
–        มีการรายงานผลการดำเนินการและการคาดการณ์ผลการดำเนินการขององค์กรที่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าที่สำคัญส่วนใหญ่  ความต้องการของตลาดที่สำคัญส่วนใหญ่ และคำถามของกระบวนการและแผนปฏิบัติการส่วนใหญ่. (I)

คู่มือเกณฑ์ TQA

หนังสือเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ (TQA) 2563-2564 

หนังสือเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ (TQA) 2565-2566 

ข้อมูล ณ วันที่ 8 มีนาคม 2565

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ 
วันวิสา เจริญยศ  โทร .0-2201-5035 

Solverwp- WordPress Theme and Plugin